พระพุทธเจ้า(ระลึกชาติ)ความรัก
ระลึกชาติ พระพุทธเจ้า ความรัก ธรรมะ
ผู้เข้าชมรวม
269
ผู้เข้าชมเดือนนี้
30
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กาลสมัยก่อนกำเนิดศาสนา มีชนเผ่าชุมชนหนึ่งชื่อว่า หมู่บ้านทรรกศะ เป็นหมู่บ้านตามภาษาพื้นถิ่นของชนเผ่าในประเทศเนปาล(ก่อนเป็นประเทศสมัยนั้นมีการเรียกชนเผ่าตามพื้นถิ่น ภาษาสมัยนั้นยังคงมีคำใช้ไม่ได้หลากหลาย) ณ หมู่บ้านแห่งนี้มีการบูชาเทวดาและองค์เทพ ศาสนายังมิบังเกิดมีแค่ศรัทธาของชนเผ่า บ้างไหว้เทพตามคำของผู้นำ บ้างไหว้ศาลเจ้าสมมติเทพ เทวดาและนางฟ้านางไม้ จนมีคนคนหนึ่งนามว่า ศรี ลักษณะเป็นชายผอมโซผิวแดงดำ เนื้อตัวดูมิดีดั่งผู้คนในย่านนี้ เดินผ่านทางมายังหมู่บ้าน ผมผ้าวพะรุงพะรังหยักหยิกดูแล้วน่าเวทนา สวมแค่ผ้าชิ้นน้อยปกปิดอวัยวะ เดินเข้ามาเห็นคนในหมู่บ้านนั่งทำกิน บ้างถักเสื้อ (ถักเสื้อขนสัตว์ด้วยการเจาะรูแล้วใช้เชือกทำจากเส้นเถาวัลย์ชนิดหนึ่งที่เหนียวและทนทานเป็นการตัดเย็บแบบโบราณคล้ายยุคเก่าแก่ ตัดด้วยมีดคมพร้า(สมัยนั้นมีโลหะใช้ ตามวิวัฒนาการของยุค)มีดดูเทอะทะมิได้บางเบาดั่งงยุคใหม่)ชาวบ้านในชนเผ่าแต่งตัวดูเรียบง่าย ใช้ผ้าหนังสัตว์ที่ตัดเย็บ ซักจนบางเบา ผ้าจากหนังสัตว์ บ้างทำมาจากหนังกวาง กระต่ายและวัว ผู้ชายสวมแค่ผ้าปิดท่อนล่าง ผืนสีเทาสีดำสีน้ำตาล ส่วนสตรีนาง สวมยกทรงทั้งล่างและบน แม้ปิดแค่พอปิดก็ยังถือว่าปิด มิได้ปล่อยให้อวัยวะหน้าอกเปลือยเปล่า มนุษย์ยุคก่อนศาสนามีวิวัฒนาการดั่งมนุษย์ถ้ำมนุษย์ป่า จึงอาศัยการเป็นอยู่ยังชีพตามความเป็นไปได้ ณ สิ่งแวดล้อมของยุคนั้นสมัยนั้น
นายศรีเดินเข้ามาเห็นชนเผ่าหนึ่ง เป็นอยู่อย่างสงบ มีจารีต ก็รู้สึกแปลกใจ เกิดมามิเคยเห็นชนเผ่าเช่นนี้ ดูแล้วมีความสุข(ภาพย้อนไปที่ ชนเผ่าที่นายศรีเกิด เป็นมนุษย์ถ้ำอยู่ในถ้ำ มิได้มีความเจริญ)เดินพลางทอดตามอง ผู้คนก็ทอดมองเช่นเดียวกัน เพราะแปลกตา ชายแปลกหน้าไม่ใช่คนในเผ่า(มีทั้งชราชาย แม่แก่ มารดาอุ้มเด็กและชายชกรรณ์ เป็นชนเผ่าที่นับว่าเจริญมากในยุคนี้ มีการกินอาหารที่เพาะปลูกอาทิเช่น ผลแตง ทั้งแตงร้าน แตงโมลูกเล็ก หัวบอนหัวเผือกและหัวมัน นำมาเผามาปิ้ง กลิ่นหอม มีการฆ่าสัตว์จำพวกปลาและหมูป่า นำเนื้อมาแล่เอาไปตากเป็นเนื้อแดดเดียว เก็บไว้เป็นอาหาร เป็นวิธีรมควันกันมดกันแมงมากิน เป็นการถนอมอาหารด้วยภูมิปัญญา)ที่พักเป็นเพิงทำจากกิ่งไม้ หลังคาคือใบนำมาซ้อนทับเข้าหลายๆชั้น หนาพอกันน้ำฝน วางทับด้วยท่อนไม้อีกที เป็นดั่งเพิงหลังเก่าดูคร่ำครึ ในเผ่ามีการก่อไฟด้วยหินไฟ สุมไม้ตลอดทั้งวันเพื่อไล่ยุงแมลง เพิงกิ่งไม้มีเพียงห้าสิบหลัง นับว่าเป็นเผ่าใหญ่ในยุคนั้น นายศรีรู้ภาษาแค่คำสั้น เออออ เดินไปก็ยิ้มมุมปากแสดงอาการเป็นมิตร จึงมิมีใครสนใจอยากทำร้าย เดินไปเห็นยายแก่อายุราวเจ็ดสิบห้า กำลังเผาหัวบอนกลิ่นหอมโชย นายศรีสังเกตเห็นยายท่าทางเป็นมิตรจึงตัดสินใจเดินไปหา และนั่งดูยายเผาหัวบอน(เผาด้วยการเอาไม้ก่อไฟจนเป็นถ่านสีแดงเอาไม้เสียบหัวบอนวางไว้บนถ่ายร้อนๆ คอยจับด้ามไม้หมุนสลับไปมา ยายเห็นชายแปลกหน้าท่าทางหิวโหยก็เมตตา ยื่นจับส่งหัวบอนที่เผาเสร็จให้นายศรี นายศรีจับไม้ รับมากิน มือจับหัวบอนร้อนสะดุ้ง ร้องโอดโอยด้วยอากัปกิริยาคนป่าคนถ้ำ ยายเห็นก็อมยิ้ม ทำท่าทางให้เป่า ทำปากเป่าไปที่หัวบอน นายศรีก็ทำตามจนได้กินสำเร็จ พอประทังความหิว นายศรีกินอิ่มก็เดินออกมาโดยไม่พูดจา รีบเดินท่าทางดุจดั่งลิง(เป็นคนที่ยังไม่ได้ฝึกฝนใช้ชีวิตในชนเผ่าที่หลีกหนีจากชนเผ่าอื่น จึงดูท่าทีแปลกแตกต่าง)เดินไปวิ่งไปจนสะดุดก้อนหินล้มหัวชมพู ทันใดนั้นหัวหน้าชนเผ่าก็เห็นเข้า จึงเดินมาหาด้วยท่าทางเอาเรื่อง เห็นคนป่าต่างเผ่าพันธุ์ เข้ามาได้เยี่ยงไร เดินพลางโมโหพลาง ดูรีบเดินลุกลี้ลุกลน พอมาถึงก็จับตัวนายศรีผูกมัดด้วยเถาวัลย์ นายศรีตกใจจึงร้องออกมาด้วยท่าทางน่าเวทนา(นายศรีแม้มีชื่อเป็นคนแต่อาการหรือท่าทางดูพิลึกจนเป็นที่เตะตา) ดูถูกจากชนเผ่าหมู่บ้านทรรกศะ หัวหน้าชนเผ่าเป็นชายชราอายุอานามราวเจ็ดสิบ แต่ยังดูแข็งแรง ผอมโซ ผิวสีแดงน้ำตาลเข้ม เป็นคนมีจุดตรงหน้าผาก สัญลักษณ์ของชนเผ่า หัวหน้าเป็นดั่งกษัตริย์ มีเครื่องหมายสามประการคือ มีจุดตรงหน้าผากสีแดง ผมที่มัดรวบขึ้นดั่งพราหมณ์และมีรองเท้าเป็นเกือกทำจากไม้ ดูมีวรรณะสูงมียศศักดิ์ ดูน่าเกรงในอำนาจ หัวหน้าชนเผ่าทรรกศะถามด้วยคำภาษา แปลได้ว่า “เจ้าเป็นใคร”(ภาษาถิ่น)นายศรีรู้ภาษาในเผ่าของตัวเอง มิได้รู้คำต่างเผ่า จึงมิตอบกลับมาเอาแต่ทำท่าทำทางขอชีวิต นายศรีถูกมัดมือไขว้ไว้ข้างหลัง ก้มลงคุกเข่าและยืนสลับคำนับ แสดงความเกรงกลัว จนหัวหน้าเผ่าทรรกศะเห็นท่าที ก็รู้ว่ามิได้มาสร้างความเดือดร้อน จึงปรึกษาชาวเผ่าผู้เป็นดั่งคนสนิท “จะเอาอย่างไรกับชายผู้นี้” ทั้งสามคนจึงปรึกษา ตกลงให้ปล่อยตัว บอกกับผู้นำว่า “ขอเจ้าจงปล่อยผู้นี้ไป” (เจ้าในขณะนั้นหมายถึง ผู้เป็นนายเป็นสรรพนาม เรียกวรรณะกษัตริย์หรือเทียบเท่า)ท่านกษัตริย์หรือผู้นำของเผ่าจึงสั่งปล่อยตัวนายศรี นายศรีดีใจรีบวิ่งออกจากหมู่บ้าน เข้าไปในพงหญ้าป่ารก หายไปในความมืดยามค่ำแสงจันทร์มืดมิด มีแต่แสงฟืนก่อไฟหน้าเพิงทุกหลัง ที่เป็นดั่งแสงประกายให้รู้ว่า ที่นี่มีผู้อาศัย
หมู่บ้านทรรกศะมีความสงบสุขตามวิถี จนยามอาทิตย์ดับสดงในคืนหนึ่ง เหตุการณ์ที่มิสู้ดีก็บังเกิดขึ้น นายศรีกลับมาอีกครา ครานี้พาพรรคพวกเพื่อนพ้องพี่น้องชนเผ่ามาด้วยราวสี่ครอบครัว แต่ละครอบครัวขาดอาหาร ท่าทางหิวโหย บ้างอุ้มเด็กทารก เสื้อผ้าอาภรณ์มีแค่ชิ้นเดียว(ผู้หญิงห่มแค่ท่อนล่างปล่อยท่อนบนเปล่า)นายศรีพูดภาษาบอกพวกพ้องพามาที่หมู่บ้าน “ข้ามีหมู่บ้านมีอาหาร เจ้าทั้งหลายตามข้ามาเถิด”(นายศรีพูดบอก)ทั้งชนเผ่าจึงเดินตามนายศรี เข้าหมู่บ้านอย่างรีบร้อน พอมาเจอชาวชนเผ่าทรรกศะก็เกิดเหตุการณ์ห้ามปรามของชนเผ่า(ชาวทรรกศะไม่ให้เข้าหมู่บ้าน)จนมีการทำร้ายต่อยตี นายศรีโดนชกตีหน้าด้วยท่อนไม้จนมีเลือดไหลออกมาดูน่าเวทนา(เจตนาของชนเผ่านายศรีแค่ต้องการมาพึ่งพาขออาศัย ขออาหารประทังชีวิต มิได้มีเจตนาคิดมาทำร้าย)นายศรีลงไปนอนเกลือกคลุกกับพื้น ร้องขอด้วยความน่าเอ็นดูน่าสงสาร จนเสียงดังไปถึงหูหัวหน้าชนเผ่าทรรกศะหรือกษัตริย์ของทรรกศะที่กำลังนั่งอยู่ในที่พัก ปรึกษาหาลือกันอยู่กับคนสนิทห้าคน(รวมตัวกษัตริย์)หัวหน้าหรือกษัตริย์หก็รีบเดินออกมาตามเสียงดังวุ่นวายหน้าหมู่บ้าน(ทั้งหมดห้าคนเดินสอยห้อยตามกันมา)พอเห็นว่าชนเผ่าต่างเชื้อสายพยายามเข้ามารบกวนในหมู่บ้าน จึงเดินไปกำหราบชาวชนเผ่าของนายศรีด้วยการตะหวาดเสียงดัง “หยุด”(พูดด้วยคำว่า “โย” ซึ่งหมายถึงหยุด)พอเสียงตะหวาดดังขึ้น นายศรีจำได้ว่า หัวหน้าผู้นำออกมาจึงตะเกียกตะกายเดินคลานไปหาและแสดงความนอบน้อมเช่นเคยทำ จนเป็นที่จดตามองอยู่ที่เดียวกันของสองชนเผ่า
ทั้งสองมีคำพูดแต่เป็นคนละภาษา นายศรีขออาศัยมาขอพึ่งพา ส่วนหัวหน้าเผ่าทรรกศะบอกให้ออกไป จนดูท่าพูดคุยไม่รู้สาไม่รู้ความ นายศรีโดนขับไล่ออกจากหมู่บ้านพร้อมด้วยหมู่เพื่อนพ้องชนเผ่าเดียวกัน ต้องรีบเดินออกมาก่อนที่จะถูกทำร้ายขว้างปาก้อนหินใส่ (เป็นการกระทำที่ดูถูกดูแคลนของมนุษย์ด้วยกัน บ่งบอกการด้อยการพัฒนาทางจิตใจ)นายศรีเดินออกมาด้วยท่าทีเสียใจและหิวโหย เข้าป่ามาอยู่แถวระแวกรอบนอกของหมู่บ้านทรรกศะ หาผลหมากรากไม้กินประทัง กินน้ำตามแม่น้ำและจับปลามาเผากิน ก่อไฟก่อฟืน จากเวลาย่ำค่ำเลยล่วงมาจนเช้า แสงทอสดใส ต่างเหนื่อยเพลีย แอบหลับนอนพักตามโขดหินและพงหญ้า ดูแล้วช่างเป็นวิถีของคนป่าน่าสงสาร นายศรีพักผ่อนนอนหลับเห็นภาพเทวดาในนิมิตฝัน เป็นเทวดาลักษณะผิวสีขาวประกายทอง ดูงดงาม สวมมงกุฎเจอมหาราชา มีรูปงามคางคมผมดำ มีหนวด ในความฝันเทวดามิได้สวมเสื้อ มีแค่กางเกงดูงามดั่งเทวดาที่มียศฐานบรรดาศักดิ์ นายศรีฝันเห็นนิมิต เทวดาทำท่าบอกให้ไปสถานที่ที่มีปราสาทสวยงาม มีรูปลักษณ์คล้ายดั่งทรงเขาพนมรุ้งในปัจจุบัน เทวดาลงมาบอกในความฝันให้นายศรีหาสถานที่ดั่งภาพนิมิต นายศรีสะดุ้งตื่นตกใจเห็นพระผู้เป็นเจ้า(คิดแค่ผู้ที่เห็นเป็นดั่งองค์พระมหากษัตริย์)รู้นัยยะของสิ่งที่เป็นประสงค์ของเทวดา จากนั้นความฝันก็เป็นแรงผลักดันให้นายศรีอพยพ หาสถานที่(นายศรีออกเดินทางพร้อมด้วยกลุ่มพวกพ้อง เดินทางตามความฝันตามประสงค์ของเทวดา ที่นายศรีเข้าใจ)
ผลงานอื่นๆ ของ artisdammar ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ artisdammar
ความคิดเห็น